นักวิทยาศาสตร์เคยทำนายว่าโลกอาจถึงกาลอวสานในวันที่กำหนดไว้ปี 2026 คงต้องรอดูกันว่าเขาจะทำนายถูกหรือไม่
นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งเคยออกมาเผยวันที่แน่ชัดที่เขาเชื่อว่าโลกจะถึงจุดจบ โดยทำนายว่า มนุษย์ในอนาคตจะถูก “เบียดเสียดจนถึงตาย” ในวันหนึ่งของปีหน้า
ในโลกนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หมกมุ่นกับแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลก ถึงขั้นเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้า
บางคนวางแผนรับสถานการณ์อย่างจริงจัง เผื่อสังคมล่มสลาย ขณะที่อีกกลุ่มเชื่อว่าการสิ้นสุดของโลกคือประตูสู่ที่ที่ดีกว่า และพร้อมจะจากโลกนี้ไป ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง
เมื่อไม่นานมานี้ มีผู้คนจำนวนหนึ่งถึงกับขายบ้าน ขายทรัพย์สิน และเริ่มเตรียมตัวรับวันสิ้นโลกในรูปแบบของ “การถูกยกขึ้นสวรรค์” (rapture) ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 หรือ 24 กันยายนนี้เอง
แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ถึงกาลอวสานตามที่คาดไว้ หรือไม่ก็ผู้ที่เฝ้ารอการไถ่บาปครั้งนี้อาจไม่ได้เป็นคริสเตียนที่ดีอย่างที่ตนคิด
คำทำนายวันสิ้นโลกครั้งนี้จึงกลายเป็นเพียงอีกหนึ่งในหลายร้อยครั้งที่ผ่านมา ที่ผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่มีทั้งเสียงระเบิดหรือปาฏิหาริย์ใด ๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำทำนายวันสิ้นโลกอีกหนึ่งฉบับที่ระบุว่า โลกยังไม่ถึงจุดจบในตอนนี้ แต่กำลังเข้าใกล้เข้าไปทุกที เพราะวันนั้นอาจจะมาถึงในปีหน้า
สมการวันสิ้นโลก
ในปี 1960 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรีย ไฮนซ์ ฟอน เฟิสเตอร์ ได้ตีพิมพ์งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่เขาอ้างว่าเป็น “สมการวันสิ้นโลก” ซึ่งสามารถคำนวณช่วงเวลาที่มนุษยชาติจะถึงกาลอวสาน หรืออย่างน้อยที่สุดคือ การสิ้นสุดของการดำรงอยู่ของมนุษย์บนโลกใบนี้
เขาทำนายโดยใช้ข้อมูลการเติบโตของประชากรโลก โดยตั้งสมมติฐานว่ามนุษย์จะไม่สูญพันธุ์จากภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นจากธรรมชาติหรือฝีมือของตัวเอง แต่กลับจะเผชิญกับปัญหาประชากรล้นโลก ซึ่งจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทศวรรษต่อ ๆ ไป จนเกินขีดความสามารถของโลกที่จะรองรับ
นักวิทยาศาสตร์รายนี้เคยกล่าวไว้ว่า “เหล่าลูกหลานรุ่นเหลนของเรา จะไม่อดตาย แต่จะถูกเบียดเสียดจนตายต่างหาก”
เขาทำนายว่า วันสิ้นโลกจะมาถึงเมื่อถึง “ปี 2026.9” หรือแปลว่า วันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2026
เขาเชื่อว่าเวลานั้นจะเป็นจุดที่ “ประชากรผู้ชาญฉลาดทำลายตัวเอง” เมื่อจำนวนมนุษย์บนโลกเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่เรียกได้ว่า “ไร้ขีดจำกัด”
ในวันนั้น ประชากรมนุษย์จะถึงจุดที่เรียกว่า “ภาวะเอกฐานทางประชากร” (demographic singularity) จากจำนวนที่สูงสุด กลับดิ่งลงสู่ศูนย์ในทันที
ทั้งหมดนี้ฟังดูค่อนข้างหดหู่ไม่น้อย แม้ตอนนี้จะเหลือเวลาเพียงแค่ปีเศษก่อนถึงวันที่เขาทำนาย แต่ความเป็นจริงก็ยังดูห่างไกลจากภาพของโลกที่ “มนุษย์ล้นจนไม่มีพื้นที่ให้กันและกัน”
แม้ว่าคำทำนายเรื่องวันสิ้นโลกของเขาอาจจะไม่แม่นยำนัก แต่ “สมการวันสิ้นโลก” ที่เขาคิดขึ้นกลับสามารถทำนายอัตราการเติบโตของประชากรโลกในศตวรรษที่ 20 ได้อย่างแม่นยำอย่างน่าทึ่ง
Source link