คู่รักซื้อไอศกรีมเผือกมากินด้วยกัน กัดเข้าไปตรงกลางเต็มคำ นึกว่าเจอไส้ถั่วดำ ที่ไหนได้มาเป็นตัว ขนลุกแล้วขนลุกอีก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เว็บไซต์ MS News เผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งในไต้หวันได้โพสต์แชร์เรื่องราวสุดสะพรึง ในวันหนึ่งที่เขาและแฟนสาวซื้อไอศกรีมกลับมากินด้วยกัน แต่ปรากฏว่าไอศกรีมรสเผือกธรรมดาหนึ่งแท่ง กลับมี “ไส้” สีดำ สอดอยู่ตรงกลาง ซึ่งไม่ใช่ถั่วดำแต่อย่างใด เพราะมันคือความสยดสยองอย่างที่คาดไม่ถึง
คู่รักคู่นี้อาศัยในเมืองจีหลง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวัน ฝ่ายชายหนุ่มเป็นผู้นำเรื่องราวมาโพสต์ทางกลุ่มเฟซบุ๊กชุมชนออนไลน์ เขาบอกว่าในวันนั้น เขาและแฟนสาวได้ซื้อไอศกรีมรสเผือกจากซูเปอร์มาร์เกตกลับมากินที่บ้าน กระทั่งตอนที่อยู่ในลิฟต์ เขาก็อดใจไม่ไหวจึงแกะซองไอศกรีมออกมากัดหนึ่งคำ แล้วจากนั้นก็ให้แฟนกัดหนึ่งคำ ซึ่งทั้งสองต่างก็ถูกใจในรสชาติ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
แต่ปรากฏว่าตอนที่กำลังจะกัดไอศกรีมอีกคำ
ทั้งสองสังเกตเหตุว่ามีบางอย่างสีดำโผล่ออกมาจากตรงกลางของแท่งไอศกรีม
เขาและแฟนสาวต่างรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
เพราะรู้ว่าไอศกรีมรสเผือกไม่มีไส้อย่างแน่นอน
จนเมื่อเข้าไปถึงในห้องก็ได้พบความจริงสุดช็อก
ไส้ที่อยู่ในไอศกรีมรสเผือกของพวกเขาคือ แมลงสาบที่ถูกแช่แข็งมากับไอศกรีม
ชายหนุ่มและแฟนเขารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาเจียนทิ้งและล้างปาก
แต่สิ่งที่ตามมายิ่งทำให้เขาสยดสยองมากขึ้น
เมื่อมีขาแมลงสาบที่ถูกกัดขาดถูกคายออกมาจากปากเขา
นอกจากนี้เมื่อเขาเอาแท่งไอศกรีมล้างน้ำ ความสะพรึงทั้งหมดก็ถูกเปิดเผย
มีแมลงสาบตัวใหญ่ทั้งตัวที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์สอดไส้อยู่ในนั้น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
หนุ่มเจ้าของโพสต์เผยว่า พวกเขาจะไม่ตกใจมากขนาดนี้
หากพบแมลงสาบในอาหารหรือของคาวอื่น ๆ
แต่การที่เจอแมลงสาบอยู่ในไอศกรีมแช่แข็งเช่นนี้เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่คาดฝันมาก่อน
และมันได้กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าขนลุกขนพองครั้งหนึ่งในชีวิต
ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกมาจนกลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง
ทางสำนักงานสาธารณสุขเมืองจีหลง ได้ออกมาชี้แจงว่า
ไอศกรีมดังกล่าวมีโรงงานผลิต 2 แห่ง ตั้งอยู่ในเมืองไทเปและไถจง
จึงได้แจ้งเรื่องไปยังทางสำนักงานสาธารณสุขของเมืองนั้น ๆ
รวมถึงหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านอาหาร
ให้เข้าตรวจสอบเพื่อดำเนินการตามมาตรการต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
ภาพจาก เฟซบุ๊ก 爆料公社二社
ขอบคุณข้อมูลจาก MS New