เน็ตไอดอลดังเคลื่อนไหว ปมลูกค้าทวงเงินค่าประเป๋าเน็ตไอดอลเกือบ 3 แสน ย้ำถ้าขายคืนจะราคาตก 30-40% ไม่ใช่เรื่องแปลก ด้านเพจอรรถรส สรุปชัดทั้งสองมุม
จากประเด็นที่โลกออนไลน์จับตา กรณีเน็ตไอดอลคนดังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ด้วยข้อความว่า “ก็ถ้าอยากจะมีเรื่องกับ XX (อีโมจิ โอเค)” จนหลายคนต่างจับตาว่าเธอกำลังเผชิญกับดราม่าเรื่องอะไรอยู่นั้น
จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้เน็ตไอดอลสาวมีการแชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ใจความเป็นการโพสต์ทวงถามเน็ตไอดอลชื่อดัง เรื่องเงินค่ากระเป๋าแบรนด์เนม ราคาเกือบ 3 แสนบาท ระบุว่ามีทั้งสลิปและข้อความต่าง ๆ เป็นหลักฐาน บอกไม่พอใจที่กระเป๋าถูกหักเงินคืน 40% โดยอ้างประโยคว่า ไม่โกงให้เสียชื่อแน่นอน ยืนยันว่าที่ผ่านมาใจเย็นมาพอแล้ว และจะเดินหน้าฟ้องร้องเน็ตไอดอลอย่างแน่นอน
ด้าน เน็ตไอดอล แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมระบุว่า “ขออนุญาตแชร์ไว้ให้ประชาชนคนไทยดูว่า นี่คือเจตนาหมิ่นประมาทให้ประชาชนเข้าใจว่า ด้าย โกงหรือเปล่า + PDPA ไหม ถ้าใครอ่านแล้วเข้าใจว่าเจตนา ให้พิมพ์คอมเมนต์ได้เลย” ซึ่งต่อมา เธอทำการลบโพสต์ที่แชร์จากเฟซบุ๊กคู่กรณีออกไป
ล่าสุด (10 พฤษภาคม) เน็ตไอดอลสาวออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ระบุว่า “เรื่องกระเป๋าไม่ขอชี้แจงอะไรทั้งนั้น จบที่ศาลเท่านั้น” โดยระบุเพิ่มเติมในคอมเมนต์ว่า “ปกติด้วยนิสัยเธอจะฟาดกลับและอธิบายให้ชาวเน็ตเข้าใจอีกฝั่ง แต่รอบนี้จะไม่โพสต์หลักฐานอะไรทั้งนั้น ชาวเน็ตเสพดราม่าอย่างมีสติ
ระวังเงิบ จบ”
นอกจากนี้ ยังตอบกลับอีกว่า “ตามหลักสากล ซื้อของไปแล้ว เอากลับมาขายคืนมันจะได้ราคาตามใจเหรอ ถามจริง ซื้อ Chanel เดินออกจากช็อป ยังไม่แกะถุงแกะกระดาษห่อ ราคาตกไปแล้ว 30-40% สงสัยไม่เคยซื้อของแบรนด์เนม งืม ๆๆๆ เข้าใจ ๆๆ เก็ต ๆ” รวมถึงบอกว่า “ความตรงปกของแต่ละคนไม่เท่ากัน และงงไหม ถ้าไม่ตรงปกจริงทำไมขายต่อยังได้ราคา”
เพจดังสรุปคนละมุม ลูกค้าซื้อกระเป๋าไม่ได้เงินคืน กับ เน็ตไอดอล ย้ำแค่ลืมไม่ใช่โกง
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก อรรถรส โพสต์สรุปดราม่า กระเป๋าแบรนด์เนม 298,000 เมื่อลูกค้าแฉเน็ตไอดอลเงียบ 7 เดือน อีกฝ่ายโต้ไม่ได้โกง แค่ “ลืมจริง ๆ” โดยมีเรื่องราว 2 มุม ดังนี้
ฝั่งลูกค้า
– ลูกค้าเล่าว่าเคยซื้อกระเป๋าผ่านไลฟ์ของเน็ตไอดอลหลายใบ รวมถึงใบที่เป็นประเด็น ซึ่งมีราคาสูงถึง 298,xxx บาท
– เมื่อได้รับของแล้วพบว่าสภาพไม่ตรงปก ไม่กล้าใช้ เพราะรู้สึกไม่คุ้มกับเงินที่จ่าย เลยทักไปหาไลน์ทีมงาน ขอฝากขายคืน
– ได้รับการตอบรับว่าให้นำมาฝากได้ และลูกค้าก็นำกระเป๋าไปส่งถึงหน้าบ้านของเน็ตไอดอลทันที (กันยายน 2567)
– หลังจากนั้น ไม่มีการติดต่อกลับใด ๆ เลย ลูกค้าเข้าใจว่าเดี๋ยวทีมงานคงตามมาเอง จึงไม่ได้ตามจี้
– ทักไปอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2567 ทีมงานตอบเพียงว่า “จะนำไปบิดรอบหน้า” แล้วก็หายยาว 7 เดือน
– ลูกค้าเริ่มโพสต์เล่าเหตุการณ์ เพราะทักไปหลายครั้งแล้วไม่มีการตอบกลับ และเชื่อว่ามีสิทธิ์ได้รับคำชี้แจง
– เมื่อโพสต์ไปหลายครั้ง ฝั่งเน็ตไอดอลจึงเริ่มติดต่อกลับ
พร้อมแจ้งว่าขายไม่ได้ราคา และจะคืนเงินให้แค่ 150,xxx บาท โดยหัก 40% +
ค่าบิด 10%
– ลูกค้าไม่โอเค เพราะไม่เคยได้รับแจ้งเรื่องการหักเปอร์เซ็นต์มาก่อน และรู้สึกว่าราคารับซื้อไม่สมเหตุสมผล
– ย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาโพสต์เพื่อด่า แต่ต้องการคำตอบหลังจากเงียบมานานเกือบปี และทุกอย่างมีหลักฐานครบ
ฝั่งเน็ตไอดอล
– เน็ตไอดอลออกมาชี้แจงว่า ลูกค้านำกระเป๋ามาฝากช่วงที่ TikTok แบนการขายแบรนด์เนม จึงไม่ได้ไลฟ์ต่อ และของค้างอยู่
– คนรับของเป็นเลขาเก่าซึ่งลาออกไป ทำให้ข้อมูลไม่ถึงตัวเจ้าตัวโดยตรง
– ยอมรับว่าไม่ได้เช็กไลน์แอด เพราะไม่ได้ขายแบรนด์เนมเป็นกิจจะลักษณะอีกแล้ว
– พอมีรุ่นน้องลูกค้าทักมา จึงเพิ่งนึกออกว่าเคยมีคนฝากกระเป๋าไว้ จึงให้เพื่อนตีราคาใหม่ พบว่าบิดไม่ได้ราคาดังเดิม
– เสนอคืนเงินให้ 150,000 บาท โดยอ้างว่าหัก 40% ตามระบบที่ “ลูกค้าควรทราบอยู่แล้ว”
– มองว่าลูกค้าไม่ติดต่อช่องทางอื่นเลย (เช่น DM หรือเฟซบุ๊กส่วนตัว) จึงรู้สึกเหมือนถูกประจานมากกว่า
– ยืนยันว่าไม่ได้โกง และจะโอนเงินให้แน่นอน พร้อมทิ้งท้ายว่า “เงินแค่นี้จะโกงทำไม ?”