ผลไม้ 4 ชนิดนี้ หากกินบ่อย ๆ อาจทำร้ายตับได้ยิ่งกว่าการดื่มแอลกอฮอล์ แต่หลายคนกลับไม่รู้
ผลไม้บางชนิดอาจไม่ได้ดีต่อสุขภาพอย่างที่คิด หากรับประทานเป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อตับโดยไม่รู้ตัว
ตับคืออวัยวะที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย หากตับเกิดความเสียหาย ก็อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพโดยรวม นอกจากการลดการดื่มแอลกอฮอล์และเลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมแล้ว การเลือกผลไม้ให้เหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน
ผลไม้บางชนิดแม้จะดูเฮลตี้จากภายนอก แต่หากกินเป็นประจำหรือในปริมาณมากเกินไป ก็อาจเป็นภัยต่อตับได้เช่นกัน
ต่อไปนี้คือผลไม้ 4 ชนิดที่หากรับประทานบ่อย ๆ อาจทำร้ายตับได้มากกว่าการดื่มแอลกอฮอล์เสียอีก
Alexey Demidov
-
ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง
หลายคนชอบของหวาน และผลไม้รสหวานก็เป็นของโปรดของใครหลายคนเช่นกัน แต่รู้หรือไม่ว่า หากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป จะกลายเป็นภาระต่อการทำงานของตับ
การบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูงจะส่งผลต่อการเผาผลาญไขมัน ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับตับ โดยเฉพาะ “ไขมันพอกตับ” ที่หากปล่อยไว้จะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ในปัจจุบัน เมื่อระดับคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงอย่างทุเรียนจึงได้รับความนิยมมากขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า ทุเรียน 100 กรัม มีน้ำตาลมากกว่า 20 กรัม ส่วนกล้วยก็มีน้ำตาลเฉลี่ย 18 กรัมต่อ 100 กรัม หากกินบ่อยหรือมากเกินไป จะเป็นการเพิ่มภาระให้ตับโดยไม่รู้ตัว
-
ผลไม้ที่มีไขมันสูง
ทุกคนรู้กันดีว่า “ตับกลัวไขมัน” ดังนั้นหากเรารับประทานผลไม้ที่มีไขมันสูงมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นภาระต่อตับได้เช่นกัน
เริ่มจาก “อะโวคาโด” ซึ่งเป็นผลไม้ยอดนิยมในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม้จะมีประโยชน์มาก แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณไขมันที่สูง อะโวคาโด 200 กรัม มีไขมันสูงถึงประมาณ 30 กรัม จึงควรบริโภคอย่างพอเหมาะ ไม่มากเกินไป
อีกชนิดหนึ่งคือ “เนื้อมะพร้าว” ซึ่งก็มีไขมันสูงไม่แพ้กัน การรับประทานผลไม้สองชนิดนี้ในชีวิตประจำวันควรระมัดระวังปริมาณให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ตับต้องทำงานหนักเกินไป
-
ผลไม้ที่เก็บไว้นานหรือขึ้นรา
ในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเผลอซื้อลูกไม้มากเกินไป พอผ่านไปหลายวันก็เริ่มเน่าเสีย แต่ก็ยังเสียดาย เลยตัดส่วนที่เสียออกแล้วกินต่อ นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับตับ
ความจริงแล้ว เมื่อผลไม้เริ่มเน่าหรือเสีย ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ก็มีโอกาสปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายระบบทางเดินอาหารหลังจากรับประทานเข้าไป
ที่น่ากังวลที่สุดคือ “อะฟลาทอกซิน” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสารก่อมะเร็งเท่านั้น แต่ยังเพิ่มภาระให้กับตับ และส่งผลเสียต่อร่างกายโดยรวมอีกด้วย
-
ผลไม้ตระกูลส้ม
แม้ผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว และเกรปฟรุต จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและไม่ได้เป็นอันตรายต่อตับโดยตรง แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะในผลไม้กลุ่มนี้มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ฟูราโนคูมาริน” (Furanocoumarin)
สารนี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์ที่ช่วยในการเผาผลาญยาในร่างกาย ทำให้ยาบางชนิดสลายตัวยากขึ้น ส่งผลให้ตับต้องทำงานหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว
จนถึงปัจจุบัน มีรายงานว่ายามากกว่า 80 ชนิดไม่ควรรับประทานร่วมกับผลไม้ตระกูลนี้ ดังนั้น ควรระมัดระวังหากคุณต้องใช้ยาเป็นประจำในชีวิตประจำวัน
Source link