In Thailand

คดีแปลก ชายสร้างน้ำท่วมใหญ่ เพื่อให้เมียกลับบ้านช้า จะได้ปาร์ตี้ต่อ จุดจบคือหายนะ

คดีแปลก ชายสร้างน้ำท่วมใหญ่ เพื่อให้เมียกลับบ้านช้า จะได้ปาร์ตี้ต่อ จุดจบคือหายนะ
Written by Thailand News

          เปิดคดีแปลก ชายสร้างน้ำท่วมครั้งใหญ่ เพื่อให้ภรรยากลับบ้านช้า จะได้ปาร์ตี้ต่อกำลังสนุก แต่จุดจบคือหายนะอย่างที่คาดไม่ถึง



คดีแปลก ชายสร้างน้ำท่วมใหญ่ เพื่อให้เมียกลับบ้านช้า
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เว็บไซต์ Unilad เผยเรื่องราวเกี่ยวกับคดีสุดแปลกในอดีต เมื่อชายรายหนึ่งในสหรัฐอเมริกา กลายเป็นนักโทษในคดีอาชญากรรมทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ และต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เหตุเพียงเพื่อต้องการให้ภรรยาของเขากลับบ้านช้า และเขาจะได้ปาร์ตี้ต่อ แม้จะดูเหมือนเป็นความคิดที่ไร้สาระเกินความเป็นจริง แต่จุดจบกลับกลายเป็นหายนะเกินกว่าที่จะคาดเดา  

อุทกภัยครั้งใหญ่

          ย้อนกลับไปในปี 2536
เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา
ตามเส้นทางแม่น้ำมิสซิสซิปปีและมิสซูรี
โดยมีผลมาจากฝนตกตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ทำให้เกิดความชื้นในดิน
และระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสูงผิดปกติ
รวมถึงมีพายุฝนตกหนักติดต่อกันหลายเดือน
ในที่สุดกระแสน้ำก็แรงมากจนทำให้เขื่อนกั้นน้ำหลายแห่งพังลง
ตั้งแต่รัฐไอโอวาไปจนถึงรัฐมิสซูรี

          ในอุทกอุทกภัยครั้งใหญ่นี้
มีเขื่อนกั้นน้ำกว่า 1,000 แห่งถูกทำลายได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม
หนึ่งจำนวนเขื่อนกั้นน้ำทั้งหมดนี้ ถูกพบว่ามีชายคนหนึ่งตั้งใจทำลายมัน
นั่นก็คือ เจมส์ สก็อตต์ (James Scott)

ผู้ต้องสงสัย

          ในระหว่างที่เกิดเหตุน้ำท่วมนั้น
เจมส์ สก็อตต์ ชายวัย 24 ปี ที่อาศัยในรัฐมิสซูรี
และเป็นหนึ่งในทีมอาสาสมัครช่วยวางกระสอบทราย
ได้รับความสนใจและกลายเป็นประเด็นขึ้นมา
หลังจากที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่ง กล่าวว่า “ผมเห็นน้ำซึมจากเขื่อน ผมพยายามโยนกระสอบทรายเข้าไป แต่คุณรู้ใช่ไหม
มันไม่ได้ผล”

          หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่เริ่มสงสัยและเรียกตัวสก็อตต์ไปสอบปากคำ
โดยเจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่า เขื่อนดังกล่าวมีผู้เข้าไปตรวจตราภายใน 2
ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดเหตุน้ำท่วม
แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเป็นสก็อตต์
ในตอนแรกทางเจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวเขาไป

          หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม
2536 สก็อตต์ถูกจับกุมด้วยข้อหาข้อหาลักทรัพย์
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา
แต่เขาได้หลุดปากบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า
เขาเคยเอากระสอบทรายหลายใบออกจากเขื่อนก่อนน้ำท่วม

การสอบสวน

          เจ้าหน้าที่ได้เปิดการสอบสวนในคดีนี้อีกครั้ง
โดยสก็อตต์อ้างว่าเขาเอาถุงกระสอบทรายออก
เพียงเพื่อหาจุดที่มีปัญหาในเขื่อน ทว่าในเวลาต่อมา มีพยานรายหนึ่งกล่าวว่า
สก็อตต์ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เพื่อน ๆ ฟัง
ซึ่งแตกต่างจากที่ให้ปากคำอย่างสิ้นเชิง

          ในขณะนั้นสก็อตต์มีภรรยา
ภรรยาของเขาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารในเมืองเทย์เลอร์ ของรัฐมิสซูรี
โดยพยานอ้างว่า สก็อตต์บอกกับเขาว่า
ถ้าภรรยาของเขาติดน้ำท่วมเข้าบ้านไม่ได้ เขาจะสามารถปาร์ตี้ต่อได้
อีกทั้งยังโอ้อวดด้วยว่าได้ทำลายเขื่อนแล้ว
ทำให้ได้สถานที่ตกปลาที่ยอดเยี่ยม

          การสอบสวนของรัฐบาลกลางในขณะนั้นสรุปว่า
สก็อตต์มีแรงจูงใจที่จะก่อเหตุนำถุงกระสอบทรายออก
หรือตัดแผ่นพลาสติกบนเขื่อนกั้นน้ำ
จนเป็นเหตุให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่บ้านเรือนประชาชน

          จากเหตุอุทกภัยใหญ่ครั้งนี้
ตามรายงานระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 47 ราย และต้องอพยพกว่า 54,000 ราย
รวมมูลค่าความเสียหายโดยประมาณอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 5-6
แสนล้านบาท (ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)

ราคาที่ต้องจ่าย  

          แม้ว่าความเสียหายและความสูญเสียที่เกิดขึ้นในวงกว้าง
จะไม่ได้เป็นผลมาจากสก็อตต์ทั้งหมด
และไม่มีใครเสียชีวิตจากเขื่อนแตกบริเวณใกล้เมืองเวสต์ควินซี รัฐมิสซูรี
และแต่ศาลพิพากษาว่าเขาได้ทำลายเขื่อนเวสต์ควินซีจริง จึงตัดสินว่า
เขามีความผิดฐานก่อให้เกิดภัยพิบัติโดยเจตนา ซึ่งเป็นความผิดอาญาประเภท A
มีโทษจำคุกสูงสุด 30 ปี หรือตลอดชีวิต  

ยืนยันความบริสุทธิ์

          สก็อตต์ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต

นับตั้งแต่วันที่ถูกตัดสินเรื่องราวของเขาได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปมากมายและยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกัน
ซึ่งมีทั้งส่วนที่เชื่อและไม่เชื่อ ต่อมาในปี 2561
สก็อตต์ได้ให้สัมภาษณ์กับรายงานของ ABC17 โดยยืนยันว่าเขาบริสุทธิ์

          เขากล่าวว่า
“ผมไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่และพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมไม่ได้ทำลายเขื่อนเวสต์ควินซีได้
พวกเขาไม่เคยพิสูจน์ได้ว่าผมทำ เพราะผมไม่ได้ทำ ผู้พิพากษากล่าวว่า
พบว่าผมมีความผิดจากหลักฐานแวดล้อม
แต่ผมคิดว่ามันไม่มีหลักฐานโดยตรงที่ชี้ชัดว่าผมเป็นคนทำ”

          จนถึงขณะนี้แม้ว่าสสก็อตต์จะได้รับโทษจำคุกมาเป็นเวลาถึง
30 ปี แต่เขาก็ยังคงยืนกรานว่า “เขื่อนกั้นน้ำที่พังนั้นเป็นฝีมือของธรรมชาติ”  
ขอบคุณข้อมูลจาก Unilad, Columbia Missourian




Source link

About the author

Thailand News

Leave a Comment

Translate »