In Thailand

แม่ไปรับลูกที่ ร.ร. เห็นตอนอยู่กับเพื่อน พูดไม่ออก ตัดสินใจขอย้ายห้องเรียนทันที

แม่ไปรับลูกที่ ร.ร. เห็นตอนอยู่กับเพื่อน พูดไม่ออก ตัดสินใจขอย้ายห้องเรียนทันที
Written by Thailand News

แม่ไปรับลูกที่โรงเรียน บังเอิญเห็นภาพสะเทือนใจ ขอความช่วยเหลือจากคุณครูแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ตัดสินใจย้ายห้องเรียนให้ลูก

เด็กทุกวัยต้องได้รับการดูแลและเฝ้าระวังจากพ่อแม่และคุณครูอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในวัยอนุบาลที่ยังไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง และอาจกลายเป็นเป้าหมายของผู้ที่มุ่งหวังใช้เด็กเป็นเครื่องมือความสนุก

เว็บไซต์ phunuphapluat รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้มีภาพที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ตเวียดนาม โดยเป็นภาพเหตุการณ์ที่เด็กชายคนหนึ่ง ใส่เสื้อสีเขียว กางเกงดำ ถูกเพื่อนร่วมชั้นซึ่งใส่เสื้อสีเขียว กางเกงส้ม รังแก ทำให้หลายคนรู้สึกเศร้าใจ

โดยขณะที่เด็กชายใส่กางเกงดำกำลังนั่งเล่นการ์ดอยู่บนพื้นห้องเรียน เด็กชายใส่กางเกงส้มไม่เพียงแค่หันก้นไปข้างหน้าและเตะหน้าเพื่อน แต่ยังนั่งคร่อมคอและกดเพื่อนลงไปที่พื้นด้วย

เด็กชายที่ถูกแกล้งไม่ได้ตอบโต้กลับและปล่อยให้เพื่อนทำสิ่งที่ไม่ดีต่อเขา ภาพเหตุการณ์นี้ถูกบันทึกโดยคุณแม่ของเด็กชายที่ถูกแกล้ง ซึ่งเธอแสดงความรู้สึกเสียใจอย่างมากเมื่อเห็นลูกของตัวเองถูกแกล้งเช่นนี้

“ฉันรู้ว่าต้องสอนลูกให้ตอบโต้กับพฤติกรรมเหล่านี้ แต่เพื่อนคนนั้นก็ยังชอบแกล้งลูกฉัน แม้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากคุณครูแล้วก็ไม่ช่วยอะไร ฉันจึงตัดสินใจย้ายห้องให้ลูกและจะสอนลูกต่อไป” คุณแม่กล่าว

เรื่องราวดังกล่าวมีหลายคนแสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมแกล้งเพื่อนของเด็กชาย ขณะเดียวกันหลายคนเห็นว่าการสอนลูกให้รู้จักป้องกันตัวเองและตอบโต้เมื่อถูกแกล้งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

ในความเป็นจริง การที่เด็กถูกแกล้งในโรงเรียนอนุบาลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่พบได้ยาก และหากพ่อแม่เข้าไปช่วยไม่ทันเวลา อาจส่งผลให้เด็กได้รับความเสียหายทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่คำถามคือ การสอนให้ลูกต่อสู้หรือยอมจำนนจะเป็นทางออกที่ดีในกรณีที่ถูกแกล้งเช่นนี้หรือไม่?

จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่ามีการแบ่งพ่อแม่ออกเป็น 3 ประเภท ที่มีพฤติกรรมแตกต่างกันเมื่อพบว่าลูกถูกแกล้งในโรงเรียน

วิธีที่ 1: สอนให้ลูกยอมแพ้เพื่อน

“ทนหน่อย” คือหลักการสอนของพ่อแม่กลุ่มนี้ ทุกวันพวกเขาสอนให้ลูกใช้ชีวิตอย่างกลมกลืน และยอมแพ้เพื่อนร่วมชั้น หากเพื่อนทำร้ายลูก ก็แค่เรื่องเล่นๆ ไม่มีอะไรที่ต้องเรียกว่าการแกล้ง หรือสอนลูกให้ตอบโต้ แค่ยอมแพ้ไปบ้างก็พอ

ตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา วิธีการสอนแบบนี้อาจทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้อาย ขาดความมั่นใจ และถึงแม้จะถูกเพื่อนทำร้ายหลายครั้ง เด็กก็จะไม่กล้าบอกพ่อแม่ เพราะเขาเข้าใจว่าหากบอกพ่อแม่ไป พวกท่านก็จะมองว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ของเด็กเท่านั้น

วิธีที่ 2: สอนให้ลูกตอบโต้เพื่อนเมื่อถูกทำร้าย

การตอบโต้เมื่อถูกแกล้งเพื่อป้องกันตัวเองจริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่หากพ่อแม่ไม่อธิบายให้ชัดเจนว่าอะไรคือการป้องกันตัว และอะไรคือการแกล้งกลับ การสอนแบบนี้อาจทำให้เด็กเข้าใจว่าการตอบโต้คือสิ่งที่ถูกต้องเสมอ จากนั้นเด็กจะพัฒนาเป็นคนที่ใช้หมัดแทนคำพูด และเมื่อโตขึ้นจะยากในการที่จะพูดคุยอย่างสงบกับผู้อื่น

วิธีที่ 3: ปกป้องตัวเองแต่ไม่ตอบโต้

“เมื่อเพื่อนทำร้ายลูก ลูกต้องปกป้องตัวเอง แต่ไม่ควรตอบโต้ ลูกอาจจะร้องไห้ดังๆ ตะโกน หรือวิ่งหนีเพื่อดึงดูดความสนใจจากครูหรือผู้ใหญ่ หรืออาจขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง พวกเขาจะช่วยปกป้องลูก และนี่คือวิธีที่ลูกจะปกป้องตัวเองได้”

การแสดงออกแบบนี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กสามารถปกป้องตัวเองได้ แต่ยังช่วยเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการต่อต้านการถูกแกล้ง นอกจากนี้ ยังฝึกให้เด็กมีบุคลิกที่ไม่อ่อนแอแต่ก็ไม่รุนแรงเกินไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงให้คำแนะนำว่า นี่คือวิธีที่ดีที่สุดเมื่อเด็กถูกทำร้ายจากเพื่อน


Source link

About the author

Thailand News

Leave a Comment

Translate »