In Thailand

แม่ผวา รอยช้ำบนน่องลูกชาย กลายเป็นโรคร้าย น่ากลัวกว่าเอดส์ รักษายากกว่ามะเร็ง

แม่ผวา รอยช้ำบนน่องลูกชาย กลายเป็นโรคร้าย น่ากลัวกว่าเอดส์ รักษายากกว่ามะเร็ง
Written by Thailand News

          แม่ผวา รอยช้ำบนน่องลูกชาย กลายเป็นโรคร้ายไม่คาดคิด น่ากลัวกว่าติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคเอดส์ และรักษายากกว่ามะเร็ง



รอยช้ำ โรคไขกระดูกฝ่อ
ภาพจาก Soha

          วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวของเด็กชายรายหนึ่งวัย 13 ปี ชื่อว่าเสี่ยวเฉิน จากเมืองหยุนหลิน ในไต้หวัน เมื่อ 4 ปีก่อน เขาเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา วันหนึ่งหลังจากกลับบ้านมา แม่ของเขาพบว่า มีรอยช้ำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาที่บริเวณน่องของลูกชาย ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนแรกแม่ของเข้าใจว่าน่าจะเป็นรอยที่เกิดจากการเล่นกีฬาของลูก เนื่องจากเสี่ยวเฉินชอบเล่นบาสเกตบอล เธอจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

          แต่ปรากฏว่าหลังจากวันนั้น เมื่อเสี่ยวเฉินกลับมาจากโรงเรียนก็พบว่ามีรอยช้ำขนาดใหญ่ที่น่องของเขาอีก และครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งแรก ทางพ่อแม่ของเขาจึงเริ่มสังเกตว่าอาจจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น จึงได้พาลูกชายไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ภายหลังจากการตรวจเช็กร่างกายโดยละเอียด แพทย์ได้นินิจฉัยว่า เขาเป็นโรคหายากที่เรียกว่า โรคไขกระดูกฝ่อ หรือโรคโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ ชนิดรุนแรง (Severe Aplastic Anemia)

          โดยแพทย์เผยว่า โรคดังกล่าวนี้เป็นโรคของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด เกิดขึ้นเมื่อไขกระดูกของผู้ป่วยไม่สามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ได้ตามปกติ ส่งผลให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง เสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงและอาจมีภาวะเลือดออกไม่หยุด อันตรายถึงขั้นหัวใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ นับเป็นโรคทางเลือดที่พบได้น้อยแต่ร้ายแรง ดังนั้นโรคจึงน่ากลัวว่าการติดเชื้อ HIV หรือโรคเอดส์ และการรักษามีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าโรคมะเร็งหลายชนิด โดยผู้ป่วยมักมีภาวะโลหิตจางรุนแรง และต้องได้รับการถ่ายเลือดเพื่อต่อชีวิต

          ในกรณีของเสี่ยวเฉิน แพทย์ได้ดำเนินรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากพี่สาวของเขา เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา และโชคดีที่การปลูกถ่ายสำเร็จ แต่เขายังจำเป็นที่ต้องรักษาด้วยนวัตกรรมใหม่อื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด หลังจากการรักษาผ่านไป 15 วัน การทำงานของเม็ดเลือดในร่างกายได้รับการฟื้นฟูเข้าสู่ภาวะปกติ โดยในระหว่างขั้นตอนการรักษา นอกจากจะมีไข้เล็กน้อยแล้ว เขาก็ไม่มีอาการไม่สบายอื่นใด และหลังจาก 30 วัน เขาก็ได้รับการอนุญาตให้กลับบ้านได้

          สำหรับโรคไขกระดูกฝ่อ หรือโลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ (Aplastic
Anemia) ตามข้อมูลจากโรงพยาบาลวินเมค อินเตอร์เนชั่นแนล เจเนอรัล
ในเวียดนาม ระบุว่า
ผู้ป่วยจะตรวจพบว่ามีอาการจำนวนเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงต่ำ,
เกล็ดเลือดต่ำ, มีเลือดออกง่าย, เกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย,
อาจมีเลือดออกที่จอประสาทตา หรือเลือดออกประจำเดือนมาก,
มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร, ใจสั่น, เจ็บหน้าอก, หายใจลำบาก, ผิวซีด,
ขยับตัวได้ลำบาก และน้ำหนักลด

          อย่างไรก็ตาม
อาการของโรคดังกล่าวนี้สามารถเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
และคงอยู่เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนนับจากเริ่มเป็นโรค
โดยอาการอาจเริ่มจากเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง
แต่ในบางครั้งอาจเกิดขึ้นโดยฉับพลัน และอาการแย่ลงอย่างกะทันหัน
หากจำนวนเม็ดเลือดต่ำลงรุนแรง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ขอบคุณข้อมูลจาก Soha




Source link

About the author

Thailand News

Leave a Comment

Translate »