หญิงวัย 57 ถูกสามีจับได้แอบกิ๊กกับตำรวจ ทำบ้านแตก โดนฝ่ายชายขอหย่า ซ้ำชู้รักขู่จะให้เมียฟ้อง หวังอีกฝ่ายรับกรรมให้โดนออกราชการ
วันที่ 11 มีนาคม 2567 รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ช่อง 3 รายงานเรื่องราวที่มีหญิง อายุ 57 ปี ชาว จ.ขอนแก่น ร้องขอความเป็นธรรมผ่านเพจโหนกระแส บอกว่าเธอมีสามีที่คบหาจดทะเบียนสมรสกัน แต่คบกันได้ไม่นานเธอได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะแอบไปคบกับเพื่อนสมัยประถม ซึ่งปัจจุบันเป็นนายตำรวจอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น จนเรื่องราวบานปลายสามีจับได้ และร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สอบวินัยตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งผลสอบออกมาว่าเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงและสั่งขังนายตำรวจคนดังกล่าว 30 วัน
หลังเกิดเรื่อง เธอรู้สึกว่า ตำรวจคนนี้ได้รับโทษน้อยไป หากเทียบกับสิ่งที่เธอได้รับ ครอบครัวต้องแตกแยก สามีขอเลิกรา ซึ่งเธอยอมรับว่าเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเธอด้วย แต่เธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดอยู่ฝ่ายเดียว จึงติดต่อมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อในครั้งนี้
สอบถาม คุณมล อายุ 57 ปี เจ้าของเรื่องราว เผยว่า
เธอมีแฟนคนแรกตอนปี 2532 ชื่อคุณใหญ่ มีลูกด้วยกัน 2
คนปัจจุบันลูกทั้งสองคนเรียนจบปริญญาตรี มีงานทำหมดแล้ว
ต่อมาเธอได้เลิกรากับคุณใหญ่และมีแฟนใหม่ตอนปี 2543 ชื่อคุณต่าย
คบกันได้ประมาณ 10 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน คุณต่ายเสียชีวิต ตอนปี 2553
จากนั้นเธอก็อยู่เป็นสาวโสดเรื่อยมา
จนกระทั่งมาพบรักอีกครั้ง กับคุณน้อย ตอนปี 2559
กับคุณน้อยก็ไม่มีลูกด้วยกัน คบกันเรื่อยมาจนจดทะเบียนสมรสปี 2564
แต่ระหว่างนั้นช่วงปี 2561 เธอไปงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยประถม และได้เจอกับ
“ผู้กอง ต.เต่า” เพื่อนเก่าสมัยประถม
ทำให้พูดคุยแลกเบอร์แลกไลน์ติดต่อกันเรื่อยมา ซึ่งผู้กอง ต.เต่า
จะส่งดอกไม้มาสวัสดีตอนเช้าทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ สติ๊กเกอร์หัวใจบ้าง
สติ๊กเกอร์กอดบ้าง จนเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้ง และแอบคบกัน
ปกติตัวเธอเองจะอยู่ที่กรุงเทพฯ กับสามี
แต่ช่วงที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้กอง ต.เต่า เธอจะเดินทางไปหาผู้กอง
ต.เต่า ถึงขอนแก่นอยู่เป็นประจำ และก็พากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ
ใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนเป็นคู่ผัวเมียปกติ
ยอมรับว่าตัวเองรู้ว่าฝ่ายชายมีเมีย มีลูก อยู่แล้ว แต่ฝ่ายชายบอกว่า
ได้แยกกันอยู่ กับภรรยา และ อยากได้เธอมาเป็นเมียอีกคนมาคอยปรนนิบัติดูแล
ซึ่งเธอก็ยอมและดูแลผู้กองเป็นอย่างดี
ต่อมา คุณน้อย
สามีของเธอเริ่มผิดสังเกต เธอจึงจดทะเบียนสมรสกับคุณน้อย (สามี) ตอนปี 2564
เพื่อความสบายใจของสามี ขณะเดียวกันเธอยังสานความสัมพันธ์กับผู้กองต่อไป
กระทั่งปี 2565 สามีของเธอ ทนไม่ไหวจึงขอหย่า
และทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบทางวินัย ผู้กอง ต.เต่า
ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลสอบปรากฏว่า ผู้กอง ต.เต่า มีความผิด
แต่เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง จึงมีคำสั่งกักขัง 30 วัน
หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานตามปกติ
จากคำสั่งดังกล่าว
ทำให้เธอรู้สึกว่า ตำรวจนายนี้ได้รับโทษเบาไป ควรเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
และต้องให้ออกจากราชการ เพราะหากเทียบกับสิ่งที่เธอได้รับ
ตอนนี้เหมือนถูกปล่อยลอยแพอยู่คนเดียว สามีก็แยกทางขอเลิกรา, ผู้กอง
ก็หายเงียบไปเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง แถมยังข่มขู่ด้วยว่า
จะให้ภรรยามาฟ้องชู้เธออีก ยอมรับว่า สิ่งที่เธอทำนั้นผิด
แต่ไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียว ที่ออกมาเรียกร้องไม่ได้ต้องการเงินทองอะไร
แต่ต้องการให้ ผู้กอง ต.เต่า ออกจากราชการ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ จากการสอบถามต้นสังกัดของ ผู้กอง ต.เต่า
ทางผู้บังคับบัญชาปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ แต่ระบุว่า
ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและผลสอบวินัย
เป็นไปตามหนังสือที่ชี้แจงกลับไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบทลงโทษทางวินัย
เนื่องจากเป็นความลับ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งเรื่องไปถึงสำนักงานจเรตำรวจแล้ว
ต้องไปตรวจสอบจากตรงนั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เที่ยงวันทันเหตุการณ์