อดีต ผอ. โรงเรียน ถามความรับผิดชอบ หมอวินิจฉัยผิดจนต้องผ่าตัดด่วน เปิดหน้าท้องฟรี จนติดเชื้อ ชีวิตพลิกสุดทรมาน โรงพยาบาลไร้เยียวยา แถมท้าให้ฟ้อง
วานนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2567) ข่าวช่อง 3 รายงานกรณีของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดยะลา ซึ่งออกมาเปิดเรื่องราวชีวิตพลิกผัน จากการวินิจฉัยผิดของแพทย์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบายความอัดอั้นใจและเรียกร้องให้ทางโรงพยาบาลทบทวนระบบการทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดแบบเคสของตนเอง ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบหรือไม่
หมอชี้เป็นลำไส้ทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน ก่อนพบวินิจฉัยผิด
โดย นายอารีดิง อายุ 41 ปี เป็นผู้ป่วยโรคไต ซึ่งที่ผ่านมาสามารถรักษาด้วยการล้างไตผ่านทางหน้าท้องแบบทำเองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงดึกวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ตนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดยะลา โดยไปด้วยอาการปวดท้อง
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลได้เข้าห้องฉุกเฉิน หมอทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และเอกซเรย์ และบอกว่าคนไข้ลำไส้ทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน ตนกับภรรยายังไม่แน่ใจเลยถามไปอีกครั้งว่า ทะลุเลยเหรอครับ ซึ่งหมอบอกว่า ใช่ค่ะ ต้องผ่าตัดด่วนนะ แต่ต้องรอให้หมอศัลยกรรมมาดูอีกที
ผ่านไปสักพักหมอศัลยกรรมก็มา และบอกว่าลำไส้ทะลุ ต้องผ่าตัดด่วน จากนั้นเวลาประมาณตี 1 กว่า ๆ ตนก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดใหญ่ หมอทำการผ่าตัด จนผ่านไปหลายชั่วโมงหมอก็มาบอกว่า ทำการผ่าตัดแล้วแต่ไม่พบลำไส้ทะลุ หมอพยายามหารอยที่ทะลุแล้ว แต่หาไม่เจอ ทุกอย่างปกติ
แผนรักษาโรคเดิมต้องเปลี่ยน ซ้ำที่ผ่าตัดมีติดเชื้อ
หมอยังบอกอีกว่า ตอนนี้การรักษาล้างไตทางหน้าท้องคงต้องยุติไปก่อน เนื่องจากแผลที่หน้าท้องมีขนาดใหญ่ ต้องงดการล้างไตทางหน้าท้อง และเปลี่ยนมาเป็นการฟอกเลือดแทน โดยเบื้องต้นได้ทำการผ่าตัดทำเส้นฉุกเฉินที่คอไปก่อน (ผ่าตัดรอบ 2) เพื่อให้ได้ฟอกเลือด จนผ่านไปราว 3-4 วัน สายที่หน้าท้องผิดปกติ หมอนำไปตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ เลยให้ยาฆ่าเชื้อและให้ตนนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งหมด 9 วัน
หลังหมอให้กลับบ้านตนก็ยังมีอาการปวดท้อง จากนั้น 2 วันมีนัดตัดไหม ตนจึงบอกหมอเรื่องที่ยังปวดท้อง หมอเลยส่งไปทำซีทีสแกน และแจ้งว่าน่าจะมีการติดเชื้อเพิ่มในช่องท้อง ต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำสายออก (ผ่าตัดครั้งที่ 3) ซึ่งจากนั้นก็มีการเรียกญาติเข้าไปแจ้งว่า หมอจะยังไม่เย็บปิดแผล เพราะในช่องท้องมีการติดเชื้อและมีหนอง ต้องล้างแผลทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จนผ่านไป 6 วันถึงได้เย็บแผล
จากการวินิจฉัยผิดพลาดของหมอ ทำให้แผนการรักษาโรคไตของตนต้องเปลี่ยนไป จากที่ล้างไตทางหน้าท้องแบบทำเองที่บ้าน ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นฟอกเลือด สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทำให้ตนต้องลำบากเดินทางและเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าเดิม ส่งผลกระทบทั้งร่างกาย จิตใจ และการดำเนินชีวิตอย่างมาก
อีกทั้งหลังผ่าตัดร่างกายก็ไม่เหมือนเดิม จากที่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ ไปไหนมาไหนได้ ทุกวันนี้กลับไม่มีแรง ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้ภรรยาและลูกประคองเข้าห้องน้ำ น่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์
ตนนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 18 วัน ทางโรงพยาบาลส่งเจ้าหน้าที่มาเยี่ยม 2
ครั้ง ครั้งแรกคือหลังผ่าตัดไป 7 วัน และอีกครั้งคือก่อนกลับบ้าน
มามอบกระเช้าให้ ซึ่งจริง ๆ
ที่ผ่านมาพวกตนพยายามจะขอพบผู้บริหารเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและให้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่ก็โดนกีดกัน อ้างว่าผู้บริหารไม่อยู่บ้าง ติดประชุมบ้าง
และบางครั้งมีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมในการสื่อสาร
ซึ่งตอนนี้พวกตนก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบในความผิดพลาดของการให้บริการครั้งนี้หรือไม่
จนท. รพ. ท้าให้ฟ้อง ลั่นไม่มีเงินมาเยียวยา
ขณะที่ต่อมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายอารีดิงที่บ้านพักใน อ.กรงปืนัง จ.ยะลา
ซึ่งได้เปิดใจว่า ตนอยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่ลงมาดูแล
มารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น ในส่วนของคุณหมอตนไม่ได้ว่าอะไร
หมอเขาก็ขอโทษในสิ่งที่ผิดพลาด
แต่เมื่อตนไปขอเจอผู้บริหารโรงพยาบาลกลับถูกเจ้าหน้าที่กีดกันไม่ให้เจอ
และบอกว่าโรงพยาบาลไม่มีเงินที่จะเยียวยา ไม่มีเงินที่จะดูแล
ถ้าคุณจะฟ้องก็ฟ้อง และไปฟ้องหมอด้วย จะไปศูนย์ดำรงธรรมก็ไม่เป็นไร ไป
ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารชายแดนภาคใต้) ก็ไม่เป็นไรจะไป สสจ.
(สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด) ก็ไม่เป็นไร แต่โรงพยาบาลไม่มีเงินที่จะเยียวยา
หลังตนกลับบ้านก็ไม่มีการดูแล
ปัญหาหลักของตนตอนนี้ก็คือ บริการฟอกไตทางข้อมือยังไม่มีที่
ยังหาคิวไม่ได้ ต้องฟอกไตผ่านทางคอ สร้างความลำบากแก่ตนและครอบครัว
ทั้งนี้
ตนลาออกจากการทำงานมา 4 ปีเพื่อดูแลตัวเอง จากนี้เป็นภาระของภรรยา
ที่ต้องมาดูแลตน จึงขอวอนผู้หลักผู้ใหญ่ของทางโรงพยาบาลและกระทรวงสาธารณสุข
รวมถึงรัฐบาล ให้มาดูแลคนไข้ด้วย และจากนี้ตนขอเป็นอุทธาหรณ์เล่าสู่กันฟัง
เป็นบทเรียนให้ผู้บริหารโรงพยาบาลและผู้ใช้บริการทุกคน
โดยหวังว่านี่จะเป็นเคสสุดท้ายสำหรับตนและครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3