สรยุทธ วิเคราะห์ฉากทัศน์ หลังศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ แก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จากนี้ก้าวไกลอาจจะเจออะไรต่อบ้าง แบ่งออกเป็น 2 ทาง หากมีคนไปร้อง
จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า การแก้ไขมาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง จึงมีคำสั่งให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำ
ล่าสุด วันที่ 31 มกราคม 2567 นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา วิเคราะห์ประเด็นนี้ผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกี่ยวกับแนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากคำตัดสินของศาล แบ่งเป็น 2 รูปแบบคำตัดสิน ได้แก่
1. ไม่ปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง
ผลคือ พรรคก้าวไกลและพรรคอื่น ๆ สามารถเสนอแก้มาตรา 112 ต่อได้ และพรรคการเมืองใช้เป็นนโยบายหาเสียงได้ อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ทำให้แนวโน้มนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น
2. เป็นปฏิปักษ์ ล้มล้างการปกครอง และสั่งให้ยุติการกระทำ
ผลจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ถ้าหากมีคนนำเรื่องไปร้องเรียนต่อ ดังนี้
– กกต. พิจารณา พ.ร.ป. พรรคการเมือง มาตรา 92
และอาจมีการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ “วินิจฉัยยุบพรรค” ซึ่งถ้ายุบพรรค
กรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี
ส่วนสมาชิกที่เหลืออยู่ของพรรค ต้องไปหาพรรคใหม่ และจะมีงูเห่าเกิดขึ้นไหม
รวมถึงพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ก็ต้องมีกรรมการบริหารพรรครุ่นต่อไป
– ป.ป.ช. พิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 วรรคสอง และมาตรา 235
ประกอบมาตรฐานจริยธรรมศาลรัฐธรรมนูญ และอาจมีการส่งศาลฎีกาวินิจฉัย
โทษสูงสุดคือ “ตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต
ซึ่งต้องมาดูกันอีกทีว่าใครจะเข้าข่ายบ้าง
อาจจะเป็นการยกชื่อ สส. สมัยที่แล้วที่ไปลงชื่อแก้ไขมาตรา 112
ในสภาชุดที่แล้ว หรือการหาเสียงการเลือกตั้งช่วงที่ผ่านมามีใครบ้าง
ต้องตีความกันอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ