In Thailand

คุณแม่คลอดเบบี๋ 5 คน ใน 13 เดือน สุดทึ่งความแกร่ง เหนื่อยแค่ไหนก็สู้ ไม่มีท้อ

คุณแม่คลอดเบบี๋ 5 คน ใน 13 เดือน สุดทึ่งความแกร่ง เหนื่อยแค่ไหนก็สู้ ไม่มีท้อ
Written by Thailand News


          คุณแม่สุดแกร่ง คลอดเบบี๋ 5 คน ใน 13 เดือน ไม่ท้อแม้เผชิญความเครียด ปัญหาการเงิน และความเหนื่อย สู้เต็มที่เพื่อเหล่าลูกชายที่รัก




          วันที่ 25 มกราคม 2567 เว็บไซต์ vnexpress.net รายงานเรื่องราวของซูเปอร์คุณแม่สุดแกร่ง ที่คลอดลูกชาย 5 คน ภายในเวลา 13 เดือน ต้องเผชิญความเครียดและความกดดันสารพัด จากทั้งสภาพร่างกายและสภาพการเงินของครอบครัว แต่เธอก็กัดฟันสู้และยินดีที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งด้วยความรักที่มีต่อลูก ๆ ทุกคน

          คุณแม่คนนี้ชื่อ โดถี่เถวียน อายุ 32 ปี ขณะที่สามีของเธอคือ เหงียนนแวนทอน อายุ 34 ปี อาศัยอยู่ในอำเภอตรังบอม จังหวัดด่งนาย ประเทศเวียดนาม ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อปี 2559 แต่เนื่องจากภรรยาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCOS ทำให้การมีลูกเป็นเรื่องยาก พวกเขาตั้งอาศัยการคำนวณวันตกไข่มาช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์


          กระทั่งในที่สุดพวกเขาก็มีลูกด้วยกันได้โดยวิธีธรรมชาติ และคลอดลูกชายฝาแฝดในเดือนตุลาคม 2563  

         
หลังจากนั้นคู่รักก็ไม่ได้คุมกำเนิด โดยไม่คาดคิดว่าเพิ่งคลอดลูก 2
คนแรกได้เพียง 4 เดือน โดถี่เถวียนก็มีอาการแพ้ท้องอีกครั้ง
และเมื่อได้อัลตราซาวด์ก็พบว่ามีทารกฝาแฝดอีก 3 คนอยู่ในครรภ์ของเธอ

         
โดถี่เถวียนยอมรับว่า ตอนที่รู้ตัวว่าท้องอีกครั้ง
เธอทั้งประหลาดใจและน้ำตาไหล ทุกอย่างดูจะหมุนติ้วไปหมดจนคิดอะไรไม่ออก
แน่นอนว่านอกจากความยินดี
สิ่งที่แม่รายนี้เผชิญก็คือความเครียดที่ถาโถมเข้ามา
เพราะแผลจากการผ่าคลอดก่อนหน้านี้ยังไม่หายดี
แต่ตอนนี้เธอกลับตั้งครรภ์อีกครั้ง

          “ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉัน เด็กทั้ง 3 คนนี้และพี่ชายทั้ง 2 คนของพวกเขาก็จะไม่มีแม่อีกต่อไป แล้วใครจะคอยดูแล เลี้ยงดูพวกเขา” โดถี่เถวียน คิด

         
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้
โชคดีที่โดถี่เถวียนมีแรงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากครอบครัวของเธอ
และผู้เป็นสามี
ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นและมั่นใจว่าจะสามารถดูแลการตั้งครรภ์ครั้งนี้ได้อย่างแข็งแรงและปลอดภัย

         
มีเพื่อนบ้านแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าโดถี่เถวียนตั้งท้องอีกรอบ
หลังเพิ่งคลอดไปไม่นาน ครั้งหนึ่งขณะที่เธออยู่บนถนนยังมีคนร้องถามว่า “ทำไมยังไม่คลอดอีกล่ะ ท้องมานานแล้วนะ”
 
         
แม้คู่สามีภรรยาจะมีความมุ่นมั่น แต่โลกความจริงไม่ง่ายเช่นนั้น
ตอนที่โดถี่เถวียนตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน
หน้าท้องของเธอก็ใหญ่ราวกับคนใกล้คลอด
เธอแทบไม่ได้นอนอย่างเป็นสุขเลยตอนกลางคืน เพราะต้องคอยดูแลลูก ๆ
ที่ยังแบเบาะ แต่เธอก็พยายามจะดูแลพวกเขาอย่างดีที่สุด
และไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรนัก เพราะเธอรักลูก ๆ ทั้ง 2 คน

         
แต่สุดท้ายคู่รักก็ถูกบังคับให้ต้องส่งลูกน้อยทั้ง 2 คน
ไปอยู่บ้านปู่กับย่าที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร
วันที่ผู้ใหญ่มารับตัวเด็ก ๆ ไป
เธอทำได้แค่ซ่อนอยู่หลังประตูและใช้มือปิดปาก ไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ดัง ๆ
ขณะที่ลูกน้อยวัยเพียง 7 เดือน จำต้องหย่านมและแยกจากแม่ไปสักพัก

         
นับจากนั้นโดถี่เถวียนก็มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น จนกระทั่งอายุครรภ์ 28
สัปดาห์ เธอก็อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการแท้ง จนต้องไปรักษาตัวในโรงพยาบาล
และต้องผ่าคลอดขณะที่มีอายุครรภ์ 32 สัปดาห์
เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะคลอดก่อนกำหนด
 
         
ช่วงเวลาในตอนนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับครอบครัวมาก
ผู้เป็นแม่ยังไม่สามารถเจอลูก ๆ ได้หลังคลอด เพราะเด็ก ๆ
ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่น และต้องเข้าตู้อบอยู่นาน ในวันที่ 3
หลังคลอดโดถี่เถวียนตั้งใจจะไปเยี่ยมลูก
แต่ก่อนจะได้ลุกจากเตียงเธอก็ต้องทรุดไป เพราะเจ็บแผลผ่าคลอด
นอกจากนี้เนื่องจากการระบาดของโควิด 19
ก็ทำให้เธอไม่สามารถกลับไปหาลูกชายอีก 2 คนได้เช่นกัน

         
หลังจากกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ 1 สัปดาห์ คุณแม่ก็อดทนต่อความเจ็บ
รีบไปดูหน้าลูกน้อยทั้ง 3 ที่โรงพยาบาล โดยเด็ก ๆ มีน้ำหนักอยู่ที่ 1.8-1.9
กิโลกรัม พวกเขาต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานถึงครึ่งเดือน
กว่าที่พ่อแม่จะรับกลับมาบ้านได้

          สามีของโดถี่เถวียน
กลายมาเป็นเสาหลักที่หาเงินเพียงคนเดียว
ทุกครั้งที่เงินเดือนออกเขาจะต้องรีบซื้อนมและผ้าอ้อมมาให้พอใช้ทั้งเดือน
แล้วจึงค่อยจัดสรรเงินส่วนอื่นมาเป็นค่ากินอยู่ การเลี้ยงทารก 5 คน
ถือเป็นภาระทางการเงินที่หนักมาก ทำให้เขาต้องหางานทำเพิ่ม
ส่วนปู่ย่าที่แก่แล้วก็ยังต้องช่วยกันขายของ
เพื่อหาเงินมาช่วยสนับสนุนค่าอาหารรายวันแก่โดถี่เถวียนกับสามี

         
ระหว่างนั้น โดถี่เถวียนรับหน้าที่ดูแลลูกเพียงคนเดียว
ในแต่ละคืนเธอจะตื่นขึ้นมาอย่างน้อย 2 รอบเพื่อป้อนนมและเปลี่ยนผ้าอ้อม
จริงอยู่ที่การดูแลทารกในช่วง 2-3 เดือนแรกนั้นเหนื่อยและเครียดมาก
แต่สำหรับโดถี่เถวียน เธอต้องแบกรับความเหนื่อยเพิ่มเป็น 3 เท่า  
 
         
กระทั่งผ่านช่วง 3 เดือนแรกไป โดถี่เถวียนก็สามารถทำงานบ้านได้เอง พร้อม ๆ
ไปกับการเลี้ยงลูก ทำให้ปู่ย่าที่แก่เฒ่าไม่จำเป็นต้องมาช่วยดูหลานอีก
จากนั้นเมื่อลูกแฝด 3 อายุครบ 1 ขวบ ก็ถึงเวลาที่เธอจะรับลูกแฝด 2
คนโตกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน
 
         
ชีวิตหลังจากนั้นคือความท้าทายที่เพิ่งขึ้นหลายเท่า
แต่ละวันช่างเต็มไปด้วยสีสัน เด็กชาย 5
คนที่มาอยู่ร่วมกันนั้นทั้งเล่นและทะเลาะกัน เรียกว่าตีกันอยู่ประจำ
จนโดถี่เถวียนต้องเข้ามาคอยห้ามอยู่ตลอด แต่นับว่ายังดีที่เด็ก 5
คนอายุไล่เลี่ยกัน ทำให้พวกเขาเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันได้
เมื่อคนหนึ่งถูกแม่ดุ อีก 4 คนก็จะเรียนรู้
จนถึงตอนนี้พวกเขารู้วิธีจะเล่นกันดี ๆ และคอยเตือนกันให้เก็บของเล่นแล้ว
 
         
ขณะนี้ลูกชาย 2 คน อายุ 3 ขวบ ส่วนลูกอีก 3 คนก็เพิ่งครบ 2 ขวบได้ไม่นาน
ทั้งหมดมีน้ำหนัก ส่วนสูง และหน้าตาที่คล้ายคลึงกันจนแทบแยกไม่ออก
สิ่งที่ผู้เป็นแม่ใช้ในการสังเกตลูก ๆ ก็คือแฝด 2
คนแรกจะมีสีผิวที่เข้มและตัวใหญ่กว่าน้อง ๆ คนหนึ่งอ้วนหน่อย คนหนึ่งผอม
ส่วนเด็กอีก 3 คนต้องสังเกตที่ตาและรูปร่าง จึงสามารถแยกออกได้

         
เพราะต้องเลี้ยงลูกหลายคน
ทำให้บางครั้งครอบครัวก็มีวิธีดูแลเด็กที่ต่างออกไป จริงอยู่ว่าตอนนี้เด็ก ๆ
สามารถกินข้าวเองได้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาอาหาร แม่ก็จะนำลูก ๆ
มานั่งรวมกันและป้อนข้าวให้ทีละคน ในเรื่องนี้หากคนนอกมาเห็นก็จะไม่เข้าใจ
และโทษแม่ที่ไม่ยอมให้ลูกกินข้าวเอง แต่โดถี่เถวียนอธิบายว่า
หากเธอให้พวกเขากินข้าวเอง เด็กทั้ง 5 คนก็จะเลอะเทอะตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทั้งบ้านก็จะสกปรก แทนที่จะใช้เวลาป้อนข้าวแค่ 20-30 นาที
เธออาจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเปลีย่นเสื้อผ้าและทำความสะอาดบ้าน  

         
ทั้งนี้ คู่สามีภรรยาไม่ได้ส่งลูก ๆ ไปโรงเรียนอนุบาล
เพราะพวกเขามีเงินไม่พอจ่ายค่าเล่าเรียน
อีกทั้งยังไม่มีคนที่จะรับ-ส่งลูกได้ แต่โดถี่เถวียนก็ตั้งใจไว้ว่า
เมื่อลูก ๆ อายุครบ 5 ขวบ เธอก็จะกลับไปหางานทำอีกครั้ง
เพื่อหารายได้เข้าครอบครัวให้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก vnexpress.net




Source link

About the author

Thailand News

Leave a Comment

Translate »