สาวไปทำงานไกล 2 ปี ขับรถสปอร์ตหรูกลับบ้านเกิด ถึงบ้านสามีแทบช็อกกับภาพที่เห็น บ้านถูกทิ้งร้าง น้ำตาไหลเมื่อรู้เบื้องหลัง
เว็บไซต์ docnhanh รายงานว่า เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ไม่ฟังคำทักท้วงของสามีและญาติ เธอเดินทางมากกว่า 1,600 กิโลเมตร ไปยังมณฑลกวางตุ้ง เพื่อหางานทำ ในช่วงเวลา2 ปีเธอต้องอดทนต่อความยากลำบากมากมาย
หลังจากนั้นเธอก็ได้งานที่ดีและทำเงินได้มากมาย ชีวิตของเธอเหมือนจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อมาถึงจุดนี้ ผู้หญิงคนนั้นซื้อรถสปอร์ต Audi A6 และกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อกลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง
แต่เมื่อเธอขับรถกลับบ้านเธอก็ตะลึงกับภาพที่เห็นต่อหน้าต่อตา บ้านของครอบครัวสามีซึ่งเธอเคยอาศัยอยู่ตอนนี้ถูกทิ้งร้าง และไม่เหลือใครอยู่ในบ้าน ดูเหมือนว่าทั้งครอบครัวจะย้ายออกไปนานแล้ว
เมื่อถามคนรอบข้าง เธอจึงรู้ว่าสาเหตุที่สามีของเธอย้ายออกไป เป็นเพราะเธอทำงานอยู่ไกล มีคนลือว่าเธอทำเงินได้มากมายเพราะเธอทำงานเป็นนักนวดบำบัด ล้างเท้าให้คนอื่น มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายนับไม่ถ้วนทุกวัน และไม่รู้ว่าเธอนอนด้วยกี่คน
เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดมากขึ้น สามีก็มีความไม่พอใจต่อภรรยาของเขาเพิ่มมากขึ้น เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับภรรยาอีกต่อไป เขาจึงย้ายไปอยู่ที่อื่นโดยไม่ให้เธอรู้
“เขาคิดว่างานของฉันน่าอาย แต่ฉันก็พยายามเพื่อครอบครัวนี้ งานของฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ฉันไม่เคยทำอะไรผิดกับสามีและครอบครัวของฉัน
ฉันเป็นผู้หญิง การออกไปทำงานข้างนอกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การที่ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้งหลังจากผ่านไป 2 ปีพิสูจน์ให้เห็นว่าฉันไม่เคยเปลี่ยนใจเลย แต่เขาไม่เชื่อฉัน ฟังข่าวลือ แล้วก็จากไปแทนที่จะเชื่อใจฉัน” หญิงสาวเล่าทั้งน้ำตา
ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่จะได้พบกันอีกครั้งในภายหลังและแก้ไขความเข้าใจผิดหรือไม่ แต่เรื่องราวดังกล่าวทำให้เกิดความปั่นป่วนบนโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีความคิดเห็นหลากหลาย
ชาวเน็ตบางคนคิดว่าลิ้นคนอื่นน่ากลัว ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อนพูด ไม่อย่างนั้นจะกระทบครอบครัวคนอื่น หรือแม้แต่จะมีปัญหาจากคำพูดที่พูดออกไป
บางคนวิจารณ์ว่าฝ่ายสามีเป็นคนใจแคบ ไม่ควรรีบเชื่อข่าวลือ และปฏิบัติต่อภรรยาเช่นนั้น สามีภรรยาต้องเชื่อใจกัน หากทะเลาะกันก็ควรจะพูดคุยประนีประนอมกันก่อน ไม่ใช่ทำแบบนี้
หลาย ๆ คนรู้สึกเสียใจกับผู้หญิงคนนี้ที่พยายามหาเงินมาดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้ญาติ ๆ ของเธอกลับปฏิเสธเธอ และสงสัยว่าเธอจะเสียใจหรือไม่กับการตัดสินใจในอดีตที่จะออกจากบ้านไปทำงานที่อยู่ห่างไกล
Source link