แจ้ง 3 ข้อหาลหุโทษ ชายบุกทุบห้อง สาว ป.เอก พลัดตกระเบียงดับ ด้านทนายเดชาชี้เข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล โทษถึงประหารชีวิต
จากเหตุการณ์ชวนสลดใจ กรณีนิสิตระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถูกชายซึ่งอยู่แมนชั่นเดียวกันเคาะห้องและพยายามเข้าห้อง เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเจ้าของห้องจอดรถทับที่ตอนตี 4 ทำให้รู้สึกหวาดกลัวมาก ก่อนพลัดตกจากอาคารชั้น 6 จนเสียชีวิต
อ่านข่าว : คลิปเคาะประตูนิสิต ป.เอก ด่าอาละวาดดุเดือด ใครได้ยินก็กลัว – แชตนิสิตสั่งลา จะโดดแล้วนะ
ด้าน นางอารีย์ แม่ของนางสาวอาภาพร สีชำนาญ หรือ น้องเฟิร์น เปิดใจว่า ผู้ก่อเหตุไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ว่ากับน้องเฟิร์น หรือกับคนอื่น ทำให้แม่ต้องสูญเสียลูกสาวที่กำลังมีอนาคตยาวไกล ซึ่งแม่ยืนยันว่า จะดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด ทั้งชายผู้ก่อเหตุ แม่บ้านที่สื่อสารจนเข้าใจผิด และเจ้าของแมนชั่นที่ไม่ดูแลความปลอดภัย ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยทางเพื่อน ๆ ของน้องเฟิร์นช่วยร้องเรียนไปที่เพจสายไหมต้องรอดแล้ว และในวันนี้ (18 ธันวาคม) แม่จะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อขอความช่วยเหลือต่อไป
ด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยนันท์ ให้มุมมองด้านกฎหมายว่า
ข้อหาที่ตำรวจนั้นแจ้งมันเบาเกินไป ซึ่งก่อนหน้านี้
ก็เคยมีฎีกาคดีในลักษณะเดียวกัน คือคนพยายามข่มขืน
โดยผู้ตายยืนอยู่ที่ระเบียง หวาดกลัวพยายามหนี แต่พลัดตกตึกไป
ซึ่งคดีนี้ศาลพิพากษาเป็น “การฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผล”
ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับคดีนี้คือ ผู้ก่อเหตุไปเคาะห้องให้เกิดเสียงดัง
พูดจาข่มขู่ในเวลากลางคืน ผู้หญิงก็คิดว่ามีอันตรายมาหา อาจจะถูกฆ่า
หรือถูกข่มขืน จึงมีการพยายามเอาตัวรอด จึงปีนหนีทางด้านหลังจนพลัดตกลงมา
ซึ่งวิถีที่ทำให้เกิดความตายคือ ถ้าผู้ก่อเหตุไม่มาตะโกนขู่
คุกคามหน้าประตู เขาก็ไม่กลัวจนตัดสินใจหนีแบบนั้น
ทั้งนี้ข้อหาหนักที่แจ้งเพิ่มได้คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผล
หลังจากนี้ ถ้าตำรวจไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่ม
ก็อยู่ในดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน แต่ในคดีนี้ ตนได้แนะนำให้ คุณเอกภพ
เหลืองประเสริฐ จากสายไหมต้องรอด
ให้พาพ่อแม่ผู้ตายไปแจ้งความดำเนินคดีเองได้เลย
ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยเล็งเห็นผล โดยไม่ต้องรอตำรวจตั้งข้อหา
ซึ่งในข้อหานี้ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ส่วนประเด็นที่มีแม่บ้านของแมนชั่น
เป็นผู้ที่บอกให้คนที่ก่อเหตุไปทุบประตู้ห้องน้องผู้ตายนั้น มองว่าคดีนี้
แม่บ้านมีส่วนผิดด้วย เพราะอยู่ดี ๆ ไปชี้ห้องผิดได้อย่างไร
แล้วก็ทำให้เขาเดือดร้อน อาจจะมีความผิดฐานสนับสนุน
ซึ่งต้องว่ากันไปในชั้นพนักงานสอบสวน