In Thailand

อดีตเศรษฐีร้อยล้าน ผันขับแท็กซี่ หาเงินดูแลลูกป่วย ไม่ท้อ แม้ต้องขอโทษ ผสด. ซ้ำ ๆ

Written by Thailand News

          อดีตเศรษฐีร้อยล้าน ผันตัวขับแท็กซี่ ต้องขอโทษผู้โดยสารเกือบ 1,800 ครั้ง ในช่วง 3 เดือน เหตุพาลูกชายป่วยมาทำงานด้วย รับไม่มีคนดูแล

อดีตเศรษฐีร้อยล้าน
ภาพจาก sohu


          วันที่ 5 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์ sinchew รายงานเรื่องราวของ อี้เหอผิง ชายวัย 53 ปี คนขับแท็กซี่ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ซึ่งตลอดเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องกล่าวคำขอโทษผู้โดยสารเกือบ 1,800 คน ที่ขึ้นมาพบว่านอกจากตัวเขาที่เป็นคนขับแท็กซี่แล้ว ภายในรถยังมีลูกชายวัย 25 ปี ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง นั่งติดมาในรถด้วย

          “ขอโทษนะครับ ผู้ช่วยคนขับคือลูกชายผมเอง เขาป่วย คุณจะยกเลิกคำสั่งเรียกรถก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าร้องเรียนผมเลย ผมจะถูกแบน” นี่คือคำพูด ที่ผู้เป็นพ่อกล่าวต่อผู้โดยสารทุก ๆ คน ที่เรียกใช้บริการรถของเขา

อดีตเศรษฐีร้อยล้าน
ภาพจาก sohu

          รายงานเผยว่าในช่วงเวลา 3
เดือนที่อี้เหอผิงพาลูกชายติดรถมาขับแท็กซี่ด้วยนั้น
เขาได้ขอโทษผู้โดยสารไปเกือบ 1,800 คนแล้ว ซึ่งก็มีบางคนที่รู้สึกไม่พอใจ
และร้องเรียนไปยังต้นสังกัดของเขา
แต่ก็มีบ่อยครั้งที่ผู้โดยสารจะเกิดความเห็นใจสงสาร
เลยเสนอทิปเพิ่มให้พิเศษ

          ภายในรถของอี้เหอผิง
ยังพิมพ์ข้อความติดเอาไว้ด้วยว่า “ลูกชายของผมป่วยโรคหลอดเลือดสมองเมื่อ 2
ปีก่อน แล้วเข้ารับการผ่าตัดมาหลายครั้งแล้ว เขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
และเพราะที่บ้านไม่มีใครดูแลเขา ผมจึงต้องพาลูกมาด้วย
ผมขอโทษสำหรับความไม่สะดวกสบายที่เกิดขึ้นด้วยครับ”

อดีตเศรษฐีร้อยล้าน
ภาพจาก sohu

          ทั้งนี้
เดิมอี้เหอผิงเริ่มทำธุรกิจในเมืองเซินเจิ้น เมื่อปี 2539
และประสบความสำเร็จอย่างมาก ในช่วงเวลา 20 ปีของการทำงานหนัก
เขาเก็บสะสมเงินได้กว่า 20 ล้านหยวน หรือเกือบ 100 ล้านบาท

          ต่อมาเขาเดินทางกลับบ้านเกิดที่ฉงชิ่ง
และมีลูกชาย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้ลูก
เขาตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจการเงิน
แต่กลับลงทุนล้มเหลวจนสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมากเมื่อปี 2558 นอกจากนี้
บริษัทก่อสร้างและโลจิสติกของเขาก็เกิดปัญหา
ทำให้เขาสูญเสียเงินไปอีกมากมายเช่นกัน

          ต่อมา
อี้เหอผิงกับภรรยาหย่าร้างกัน
ส่วนลูกชายถูกส่งไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสจนจบการศึกษา
แต่ไม่คาดคิดว่าในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 อยู่ ๆ ลูกชายจะหมดสติไปบนโซฟา
ขณะลุกไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่รีบนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาล
แพทย์ก็พบว่าชายหนุ่มเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
ซึ่งกระบวนการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก

          สุดท้ายจากเศรษฐีผู้มั่งมี
อี้เหอผิงต้องเผชิญความยากลำบากและได้ผันตัวมาทำงานเป็นคนขับแท็กซี่
โดยรับงานผ่านแอปฯ ซึ่งเขาจะพาลูกชายไปเข้ารับการรักษาตอนกลางวัน
และมาขับแท็กซี่ตอนกลางคืนเพื่อหารายได้

          2
เดือนต่อมา ในที่สุดลูกชายก็ลืมตา
แต่กลับอยู่ในสภาพที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อี้เหอผิงไม่มีทางเลือก
จึงต้องพาลูกชายติดรถมาทำงานขับแท็กซี่กับเขา

          ส่วนสาเหตุที่เขาไม่แจ้งให้ทางต้นสังกัดทราบ
เพราะบริษัทที่เขาทำงานนั้นมีกฎอยู่
แม้เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษก็ยังไม่อาจละเมิดกฎได้
และจะไปเปลี่ยนกฎเพราะคนแค่คนเดียวก็ไม่ได้
เขายอมรับว่าการนำลูกติดรถมาด้วย สร้างความไม่สะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร
ซึ่งเขาก็ทำได้แค่รับบทลงโทษไปเงียบ ๆ

          อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ผู้โดยสารส่วนมากมีเมตตา บางคนบังคับให้เขารับทิปเพิ่ม หรือแม้กระทั่งแอบให้ทิปเขาผ่านแอปฯ ที่เรียกรถมา

         
อี้เหอผิง กล่าวว่า เขาใช้เงินแล้วกว่า 500,000 หยวน หรือราว 2.5 ล้านบาท
ไปกับค่ารักษาลูกชาย แม้ว่าความกดดันที่เผชิญจะไม่ใช่น้อย ๆ
แต่เขาก็ยังพอใจ

          “อย่างน้อยลูกชายของผมก็ยังมีชีวิตอยู่ครับ” อี้เหอผิง กล่าว
 

ขอบคุณข้อมูลจาก sinchew, newtalk




Source link

About the author

Thailand News

Leave a Comment

Translate »