
ผู้กำกับ สน.พญาไท แจงสาเหตุไปร่วมงานเลี้ยง กำนันนก เล่าชัดนาทียิงเพราะปมนี้ เผยเป็นคนช่วยพา สารวัตรแบงค์ ส่ง รพ.

จากกรณีที่เกิดเหตุนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา วัย 45 ปี ลูกน้องของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ผู้กว้างขวางแห่ง จ.นครปฐม ก่อเหตุยิง พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กลางงานเลี้ยงของกำนันนกจนเสียชีวิต ซึ่งกลายเป็นประเด็นเพิ่มเติมเนื่องจากในงานนั้นมีตำรวจอยู่จำนวนมากถึง 21 นาย หนึ่งในนั้นคือ พ.ต.อ. กฤษฎาพร จงอักษร ผกก. สน.พญาไท ซึ่งอยู่คนละพื้นที่ แต่ก็มาร่วมงานและอยู่ในโต๊ะที่เกิดเหตุด้วยนั้น

ตอนเกิดเรื่องขึ้นมาจากการที่ กำนันนก เดินเข้ามาเจรจาขอโยกย้ายตำแหน่งตำรวจนายหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นหลาน แต่ พ.ต.ต. ศิวกร เหมือนจะไม่ยินยอม เชื่อว่าเป็นการทำให้ กำนันนก รู้สึกเสียหน้า ไม่ใช่เรื่องของการดวลการดื่มสุราตามที่มีกระแสข่าว เพราะหลังจากการพูดคุยเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งและมีการปฏิเสธกลับไปก็เกิดการยิงเกิดขึ้นในเวลาต่อมาทันที

หลังเกิดเรื่องยอมรับว่า ตนยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ได้มีการช่วยเคลื่อนย้าย พ.ต.ต. ศิวกร ออกจากจุดเกิดเหตุโดยให้อดีตลูกน้องตำรวจทางหลวงที่รู้จัก เป็นผู้พาขับรถเก๋งและให้ พ.ต.ต. ศิวกร นั่งที่บริเวณด้านหน้า และตนนั่งอยู่ที่เบาะหลังเพื่อเดินทางไปที่โรงพยาบาล ส่วนสาเหตุที่ตนไม่ใช่คนขับเพราะออกจากพื้นที่มานานไม่ชำนาญทาง และเกรงว่าอาจจะมีชุดติดตามของกำนันนกมาตามเก็บงาน จึงรีบให้ลูกน้องพาออกจากจุดเกิดเหตุและมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อช่วย พ.ต.ต. ศิวกร
เมื่อถึงที่โรงพยาบาล ตนก็เป็นผู้ประสานงานกับทางโรงพยาบาลและพยายามประสานติดต่อไปที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อให้ช่วยดำเนินการผ่าตัด พ.ต.ต. ศิวกร เพื่อช่วยชีวิต ส่วนรายละเอียดในจุดเกิดเหตุหลังจากเกิดเรื่องตนเองไม่ทราบ เนื่องจากไม่ได้มีการกลับไปถึงจุดเกิดเหตุ แต่ได้โทร. ไปสั่งการให้อดีตลูกน้องที่เป็นตำรวจทางหลวงในพื้นที่ นำรถสายตรวจไปปิดบริเวณทางเข้า-ออกของบ้านเกิดเหตุแต่เมื่อลูกน้องไปถึงได้มีการรายงานกลับมาว่าตัวมือปืนออกจากจุดเกิดเหตุไปแล้ว

ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดและสถานที่เกิดเหตุไม่ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนจัดการเรื่องกล้องวงจรปิดกับเก็บจุดเกิดเหตุเพราะไม่ได้กลับไปอีกเลย ตนยอมรับว่า หลังจากเกิดเรื่องรู้สึกตกใจและยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว และหลังเกิดเรื่องได้มีการให้ปากคำในฐานะผู้อยู่ในเหตุการณ์กับทางคณะทำงานไปเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในพื้นที่นครบาล
กรณีที่ตนเองไปร่วมงานเพราะในเวลาดังกล่าวถือว่าเป็นช่วงเวลานอกเวลางานของหัวหน้าสถานี และสถานที่เกิดเหตุก็อยู่ใกล้กับบ้านพักของตน ที่อยู่ในย่านพุทธมณฑล สาย 3 เชื่อว่าหากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ ก็สามารถกลับเข้ามาในพื้นที่ได้ทันตามระเบียบของหัวหน้าสถานีที่จะต้องกลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ หากมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในพื้นที่ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งตนได้มีการทำหนังสือชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมดไปที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นที่เรียบร้อย ต่อจากนี้คงเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับตนอีกครั้ง


ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3