
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ปล่อยคลิปวงจรปิดผับจินหลิง นาทีเดินขายยาเสพติดอย่างโจ่งครึ่มหน้าห้องคาราโอเกะ แฉ คลิปถูกตัดออกจากสำนวน ลั่นมีอีกเป็นร้อย เด็ด ๆ ทั้งนั้น1
จากกรณีที่นายตู้ห่าว ทุนจีนสีเทา เข้ามอบตัวในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และกำลังจะถูกอัยการสูงสุดร่วมกันฟ้อง ในคดีฟอกเงินเพิ่มเติมอีกหนึ่งคดีด้วยความมั่นใจในการเอาผิด แต่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มองว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ เพราะหน่วยงานที่มีปัญหาคือหน่วยงานที่เป็นตำรวจเสียเอง
วันที่ 3 มกราคม 2566 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดภายในผับจินหลิง โดยระบุว่าเป็นดหตุการณ์ขณะซื้อ-ขายยาเสพติด โดยระบุว่า “โหมโรงรับปีใหม่ ภาพเหตุการณ์ วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลาใกล้เที่ยงคืน ก่อนตำรวจทีม ผบช.น. บุกจับ มีการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนยาเสพติดภายในจินหลิง บริเวณหน้าห้องคาราโอเกะอย่างเปิดเผย
คลิปจากกล้องวงจรปิดถูกตัดออกจากสำนวน ตั้งแต่ก่อน 21 ตุลาคม
2565 ส่วนเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ใคร ช่วยตอบทีก่อนถูกแฉอีกรอบ
แต่แผนเหนือเมฆยังมีเหนือกว่า เพราะการทำงานไม่เป็นทีมของ ผบช.น. เอง
จากภาพที่ผมนำมาแสดงในโพสต์ก่อน จะเห็นสภาพ จินหลิง
เป็นเสมือนเอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ที่ประกอบด้วยบ่อนการพนันขนาดใหญ่
ห้องวีไอพี คาราโอเกะไว้เสพยา ผู้หญิงบริการ นี่มันสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า
คาสิโนแห่งไหนในโลก โดยจะมีคลิปอื่น ๆ อีกมาก
ผบ.ตร.
ไม่ต้องรีบมาสอบผม ให้ผมทะยอยเปิดข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก่อน
เดี๋ยวเรียกสอบทีเดียวได้ เผอิญช่วงนี้ผมไม่ได้ไปไหน ว่าง ๆ อยู่พอดี
แต่ที่ ผบ.ตร. ต้องรีบสอบก่อน คือ ผบช.น. ครับ เพราะออกอาการรั่ว ๆ อยู่
โดยตั้งแต่วันนี้จะทยอยปล่อยคลิปภายในจินหลิง ทั้งก่อนและหลังตำรวจบุก
พร้อมตั้งข้อสังเกตุในช่วงการทำสำนวนคดีต่าง ๆ ว่า หากไม่ผิดปกติ
ก็ย่อมมีการช่วยเหลือกัน โดยจะไล่กล้องวงจรปิดให้ดูทีละช็อตว่า
เกิดเหตุการณ์อะไรในคืนวันที่ 26 ตุลาคม คลิปภาพวงจรปิดยังมีอีกเป็นร้อย
เด็ด ๆ ทั้งนั้น รอทีเดียวเลยดีกว่า จะมันส์กว่ามากเลยครับ
เดี๋ยวหลักฐานมันตกหล่นหายไปอีก หรือไม่ก็บอกมีมากพอแล้ว หลักฐานในมือผม
จะหนาวไปถึงไหน คอยดูตอนต่อไปครับ”
ผบ.ตร. ควรให้ ผบช.น. เงียบ และรีบตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดพลาด
ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ด่วน ไม่ใช่ยังให้สัมภาษณ์ปกป้องตัวเอง
แล้วอย่าสอบกันเองนะครับ เอาที่สังคมเขาไว้วางใจ เพราะถึงไม่ได้เป็น
“มวยล้ม” แต่เรื่อง “ต้มคนดู” นี่แน่นอนจริงครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์