
หญิงสุดทนสามีเซ็กส์จัด วันละ 13 ครั้ง เหนื่อยจนต้องปฏิเสธ ตื่นมาตกใจกลางดึก สามีนอนขัดอาวุธ 4 ชั่วโมง ก็ยังไม่เสร็จ

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข่าว
เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องของรสนิยม ความชอบที่แตกต่างกันหรือไม่พอดีกัน อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา จนลุกลามบานปลายกลายเป็นความขื่นขมที่ยากเกินจะรับมือได้
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ ETtoday เผยเรื่องราวประสบการณ์สุดอัดอั้นของหญิงรายหนึ่งในไต้หวัน เมื่อไม่นานมานี้เธอได้ออกมาระบายความทุกข์ใจผ่านทางเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ Dcard บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสามีของเธอที่เรียกว่า เสพติดเซ็กส์ขั้นรุนแรง เขามีความต้องการมากเป็นพิเศษ สถิติสูงสุดถึงวันละ 13 ครั้ง จนทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหว
หญิงภรรยา เผยว่า สามีของเธอชอบการมีเพศสัมพันธ์มาก
เมื่อก่อนตอนที่ร่างกายของเขายังแข็งแรง สามารถทำได้มากกว่าสิบครั้งต่อวัน
แต่ปัจจุบันลดลงมาเหลือที่ประมาณวันละ 7 ครั้ง หลัก ๆ จะเป็นตอน เช้า สาย
บ่าย และตอนเย็น บางครั้งก็มีปลุกเธอขึ้นมากลางดึก หากเขามีอารมณ์
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถตอบสนองเขาได้ทุกครั้ง เพราะเธอก็รู้สึกเหนื่อย
จนต้องปฏิเสธ สามีจึงหาทางออกด้วยการช่วยตัวเอง แต่เมื่อยิ่งเวลาผ่านไป
สามีของเธอกลับใช้เวลาในการสำเร็จความใคร่นานขึ้นเรื่อย ๆ
จากประมาณครึ่งชั่วโมงเป็น 1-2 ชั่วโมง และล่าสุดมากถึง 4 ชั่วโมง
ภรรยาเล่าถึงเหตุการณ์ในคืนที่น่าตกใจ เผยว่า
เธอตื่นขึ้นมากลางดึกเวลาประมาณ 01.00 น.
เธอเห็นว่าสามีกำลังช่วยตัวเองอย่างขะมักเขม้น จากนั้นเธอก็นอนหลับไป
จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีตอน 05.00 น.
ปรากฏว่าสามีของเธอก็ยังคงสาละวนอยู่กับอาวุธของเขาไม่เสร็จสิ้น
“เขาจะใช้เวลาช่วยตัวเองมากไปไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า ?” หญิงภรรยา ถามความเห็นจากเพื่อน ๆ บนโซเชียล
ภายหลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ก็ได้รับความสนใจจากผู้คน
บางส่วนเข้าไปคอมเมนต์แสดงความตกตะลึง บ้างก็แนะนำว่าให้เขาไปพบแพทย์
ซึ่งต่อมา ทางด้านแพทย์หญิงสวี่ หลานฟาง แพทย์เพศศาสตร์ในไต้หวัน
ได้อธิบายว่า คนมักคิดว่าหากมีเซ็กส์หลายครั้งในหนึ่งวัน
จะเป็นพวกเสพติดเซ็กส์ ซึ่งไม่มีการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่แน่ชัด
แต่หากมีความรู้สึกไม่พึงพอใจหลังจากมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้ง
จนต้องขอมีอีกหลายครั้งต่อกันเป็นเวลานาน
อาจเป็นหนึ่งในอาการของการเสพติดทางเพศ พูดง่าย ๆ ว่า
“ทำเสร็จแล้วรู้สึกดีหรือเปล่า ถ้าเสร็จแล้วรู้สึกดีก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าทำเสร็จแล้วรู้สึกแย่ แล้วยังอยากทำอีก ก็คงต้องไปพบจิตแพทย์”
ขอบคุณข้อมูลจาก ettoday.net